คลังสินค้า-โรงงานให้เช่าบูมรับดีมานด์ย้านฐานผลิตภาคอุตสาหกรรม

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายภายใต้แบรนด์บ้าน “ชวนชื่น” 2.ธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยถือหุ้นในบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 50% และลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) สัดส่วน 8.61% 

และ 3.ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพและให้บริการด้านที่พักภายใต้บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด (RXW) มีสถานที่การให้บริการด้านสุขภาพ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการรักษ เวลเนส บางกระเจ้า ภายใต้แบรนด์ “Rakxa” รวมเนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ และโครงการอาร์เอ็กซ์วี เวลเนส วิลเลจ ภายใต้แบรนด์ “RXV” เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 
 

ล่าสุด คณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องคราวน์บอลรูม ชั้น 21 โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค เพื่อขออนุมัติปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทฯ จะขายหุ้นสามัญของ RXW ในจำนวน 13,799,998 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมด ให้แก่บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS)

 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ มูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบธุรกิจบริการด้านสุขภาพมูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 360 ล้านบาท พร้อมให้สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสำหรับธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพฯ  เป็นเวลารวม 10 ปี มูลค่าการเช่ารวมประมาณ 1,770 ล้านบาท นอกจากนี้ FNS จะต้องให้กู้ยืมเงินแก่ RXW เพื่อนำมาคืนเงินกู้และดอกเบี้ยแก่บริษัทฯ 
 

ขณะเดียวกันจะขออนุมัติซื้อหุ้นสามัญและหน่วยทรัสต์จาก FNS ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญของ BFTZWN จำนวนทั้งสิ้น 24,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 2,000.08 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 50% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด และ 2) หน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จำนวนทั้งสิ้น 83,212,061 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 9.4697 บาท ในราคาหน่วยละ 9.3885 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 781 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.19% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด 

ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะส่งผลให้บริษัทฯ มีสัดส่วนถือหุ้น BFTZWN ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จากเดิม 50% เพิ่มเป็น 100% และมีอำนาจตัดสินใจและสิทธิในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จาก 8.61% เพิ่มอีก 22.19% รวมเป็น 30.80% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ตลอดจนเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินลงทุนให้กับบริษัทฯ เนื่องจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี 

การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต ที่มุ่งเน้นให้มีการเติบโตจากธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นธุรกิจหลัก เพราะ BFTZWN และ PROSPECT REIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และจะส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานที่มั่นคงในอนาคต  

ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดำเนินการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา การขายหุ้นจะทำให้บริษัทฯ ลดภาระการจัดหาเงินทุนเพื่อการดำเนินงานและขยายการลงทุน อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้ฐานธุรกิจและรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง และอาจกระทบกับภาระหนี้เพิ่มเติมซึ่งบริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่ต้องดำรงไว้ (Debt/Equity Ratio)

ธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่กำลังทยอยฟื้นตัวหนุนการเติบโตของภาคการค้าระหว่างประเทศ ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้า ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต

ขณะที่การลงทุนในประเทศยังได้แรงหนุนจากการพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตสำคัญของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งทอ

 รวมถึงความต้องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก อาทิ การขยายฐานการผลิตรถยนต์ EV ของประเทศจีนมาไทย และการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีมายังประเทศไทย เป็นต้น

ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าและอาคารโรงงานให้เช่าเพื่อรองรับอุปสงค์ที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยธุรกิจคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...