วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง Valuation หุ้นไทยไม่สนับสนุนการแรลลี่ต่อเนื่องของดัชนีฯ

จะเพิ่มโอกาสให้ดัชนีฯ ช่วง 1-2 วัน มีโอกาสอ่อนตัวลงมาพักฐานที่บริเวณ 1,540 จุด แนะนำ ทยอยขาย เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ

 

 

กลยุทธ์ลงทุน: เราคาดว่าความเสี่ยงของดัชนีฯ เกิดการปรับฐาน ยังคงมีความเป็นไปได้สูง แม้จะมีปัจจัยหนุนจากประเด็นสุญญากาศทางการเมืองที่สิ้นสุดลงไปในช่วงต้นสัปดาห์ก่อน หลังจากได้คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อตลาดหุ้นไทย แต่เรามองว่าปัจจัยบวกดังกล่าวได้รับรู้ไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว อีกทั้งเมื่อพิจารณาในเชิง Valuation โดยอิง Market risk premium ของดัชนี SET ที่ปรับตัวลดลงรุนแรง มาที่ 3.56% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 2 S.D. ของค่าเฉลี่ย 12M ที่ 3.65% (Figure 1) สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมีมูลค่าแพงในด้านปัจจัยพื้นฐาน (Expensive) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1. TH 10Y Bond Yield ปรับตัวขึ้น โดยจุดสูงสุดในรอบปีอยู่ที่ 2.8% และ 2. ประมาณการ EPS ของ SET ถูก Downgrade ลงต่อเนื่อง -9.8% YTD -0.7% MTD ส่งผลให้ Earnings Yield ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 12M ที่ 6.7% (Figure 2) ด้วยปัจจัยดังกล่าว เราจึงแนะนำ ขายทำกำไร

ประเด็นสำคัญ:

1. การส่งออกไทยปีนี้ มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดเป้าหมายเติบโตลดลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. ต่ำกว่าเป้าหมาย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานส่งออกเดือน ส.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เติบโต -6.2% YoY ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับคาดการณ์ของ Consensus ที่ -0.75% YoY (แต่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของ KTX ที่ -8.3% YoY) ส่งผลส่งออก 7M23 หดตัว -5.5% YoY เราคาดว่ากระทรวงพาณิชย์และธปท. มีโอกาสสูงที่จะปรับลดประมาณการเติบโตส่งออกปีนี้ลงจากเดิม 1-2% และ -0.1% ตามลำดับ คล้ายกันกับ สภาพัฒน์ฯ ที่เพิ่งประกาศปรับลดเป้าส่งออกปีนี้เป็น -1.8% YoY แม้คาดว่าส่งออก 4Q23E จะพลิกกลับมาเป็นบวกก็ตาม เราคาดว่าการส่งออกที่ชะลอตัว จะเป็นโมเนนตัมลบต่อหุ้นส่งออกของไทย

2. สุนทรพจน์ของประธานเฟดในงานสัมมนาที่เมืองแจ็กสันโฮล ยืนยันอัตราดอกเบี้ยเฟดยังคงทรงตัวในระดับสูงยาวนาน (Higher For Longer) เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหา Sticky Inflation เราคงมุมมองว่ายิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ ระยะยาว จะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากยิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาระต้นทุนการเงินบจ. ปรับสูงขึ้น รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากภาวะ Credit Crunch และส่งผลทางอ้อมต่อ Valuation (De-Rate PER) ขณะที่การแข็งค่าของค่าเงิน USD จะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) และตลาดหุ้นเอเชีย ที่มีความเสี่ยง FX Risks ปรับสูงขึ้น)

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่ ERW EA GULF

 

 

Strategic daily picks

 

ERW    ปิด 5.15 บาท/แนวรับ 4.96 บาท แนวต้าน 5.50 บาท

ERW คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q23 เติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ยุโรปและแถบตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ยังคงเติบโต โดยภาพรวม 2H23 จะดีกว่า 1H23 เพราะจะเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะใน 4Q ที่เป็นช่วง high season ทั้งนี้ ERW ลงทุน 1.6 พันล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา, ลงทุนโรงแรม HOP INN ในไทยและฟิลิปปินส์ และปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 2023 เป็นเติบโตกว่า 50% (เดิม 45%) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 664 ล้านบาท และราคาเป้าหมายที่ 5.82 บาท

 

EA     ปิด 65 บาท/แนวรับ 62.25 บาท แนวต้าน 68.50 บาท

EA รายงานกำไรสุทธิ 2.16 พันล้านบาท และ 4.48 พันล้านบาท ใน 2Q23 และ 6M23 ตามลำดับ หลัก ๆ เป็นผลจาก ผลการดำเนินงานของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้า รถเพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเซ็น MOU กับ 2 พันธมิตรผู้ผลิตแบตเตอรีรายใหญ่ของจีน เพื่อร่วมศึกษาและจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี กำลังผลิตเริ่มต้นที่ 6 กิกะวัตต์ (GWh) ในไทย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 8.63 พันล้านบาท พร้อมประเมินราคาเป้าหมายที่ 68.68 บาท

 

GULF     ปิด 50.25 บาท/แนวรับ 48.50 บาท แนวต้าน 52.50 บาท

GULF รายงานผลการดำเนินงาน 6M23 มีรายได้ 6.43 หมื่นล้านบาท (+36.9% YoY) และกำไรสุทธิ 6.74 พันล้านบาท (+36.7% YoY) จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมของโครงการโรงไฟฟ้าภายใต้กลุ่มบริษัทและโรงไฟฟ้า SPPs ที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและร่วมค้าเพิ่มขึ้นด้วย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 3Q23 และปี 2023 ที่ 4.49 พันล้านบาท และ 1.56 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ พร้อมประเมินราคาเป้าหมายที่ 58.98 บาท

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...