“วัชระ” ลุ้น “พีระพันธุ์” รองนายกฯ กล้าแตะปม “ทักษิณ” หรือไม่ จี้ 10 ข้อ ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณี “ทักษิณ” ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงหรือไม่ บี้ เร่งแจง 3 ปม สังคมแคลงใจ ป่วยกับอยู่ รพ.ตำรวจหรือไม่
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า หลังจากตนยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียว จริงหรือไม่ และมีอาการป่วยเป็นเท็จหรือไม่ รวมถึงได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ ต่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม (ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ) และรมว.พลังงาน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567
ล่าสุด นางนสินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือตอบรับแจ้งกลับมายังตนแล้ว ซึ่งข้าราชการผู้รับหนังสือจากตนได้ส่งเรื่องให้นายพีระพันธุ์ รับทราบและประสานส่งไปยังกระทรวงยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 3 คดี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี และประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 กันยายน 2566 มีการประกาศให้โทษจำคุกเหลือ 1 ปี และข่าว น.ช. ทักษิณฯ ถูกส่งตัวจากเรือนจำเข้าโรงพยาบาลคืนวันที่ 23สิงหาคม 2566 แต่ไม่ได้มีการจำคุกจริงตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 (ไม่เท่าเทียมนักโทษทั่วไป)
“ต่อมาผมได้มีหนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าวถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เนื่องจากมีการเอื้อประโยชน์เพื่อช่วยเหลือ น.ช.ทักษิณ ซึ่งเป็นบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนของบุคคลในรัฐบาลนี้ ในการนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงผม แจ้งว่า ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมซึ่งมีหน้าที่และอำนาจเพื่อพิจารณา ซึ่งหมายถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังละเว้นไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามที่ตนได้ร้องเรียนตามหนังสือลงวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ณ เวลานั้น ผมขอให้นายพีระพันธุ์ รองนายกฯ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน 10 ข้อ กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียวจริงหรือไม่ ดังนี้
...
นายวัชระ กล่าวและว่า 1.ปรากฏข้อเท็จจริงว่า วันที่ 22 สิงหาคม 2566 กรมราชทัณฑ์มีการดำเนินการตามขั้นตอนเมื่อรับ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือไม่ มีการกรอกทะเบียนประวัตินักโทษ (ร.ท.101) ครบทุกข้อจำนวน 4 หน้าหรือไม่ ถ่ายรูปในชุดนักโทษและตัดผมทรงนักโทษหรือไม่ เข้าห้องขังหรือไม่ มีข้าราชการการเมืองสั่งการให้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์กระทำการขัดต่อระเบียบ กฎ กฎหมายของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ และขอให้ท่านมีข้อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ส่งคลิปกล้องวงจรปิดของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2566ในจุดที่ น.ช.ทักษิณ เดินเข้าและออกจากเรือนจำ แก่ คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และให้เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย
2.กรณีแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ส่งตัว น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจมีอาการเจ็บป่วยจริงหรือไม่ ออกใบรับรองเท็จหรือไม่ และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแพทย์และพยาบาลทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้กันข้าราชการที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย
3.น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อยู่พักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ ป่วยจริงหรือไม่ มีแพทย์และพยาบาลดำเนินการรักษาจริงทุกวันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 จนถึงปัจจุบันหรือไม่ มีเวชระเบียนการรักษาทุกวันหรือไม่ ขอให้เปิดเผยรายชื่อเจ้าพนักงานเรือนจำที่ควบคุม น.ช.ทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจทุกนาย และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าพนักงานเรือนจำที่ควบคุม น.ช.ทักษิณ ทุกนายและผู้ตรวจเวรที่ไปเฝ้า น.ช.ทักษิณทุกวันว่าได้พบ น.ช.ทักษิณหรือไม่ มีการบันทึกภาพหรือไม่ และมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่ โดยขอให้กันข้าราชการที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย
4.การออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ลงวันที่ ๖ ธันวาคม 2566 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เร่งรัดบังคับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการออกระเบียบให้ทันบังคับใช้ในปี 2566 หรือไม่ ขอให้ท่านมีข้อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ส่งสำเนาการประชุมการร่างออกระเบียบดังกล่าวทุกครั้ง แก่คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และส่งสำเนาให้ตนด้วยจำนวน 1ชุด
5.ขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนกรณีกล้องวงจรปิดโรงพยาบาลตำรวจเสียทุกตัวทุกชั้นและขอให้ประสานงานสั่งการให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ภายใน 7 วัน เพราะ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร มีสภาพเป็นนักโทษเด็ดขาดอยู่ภายใต้กฎหมายของกรมราชทัณฑ์
6.ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2566 มีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี หรือไม่ และมีอำนาจเหนือราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1กันยายน 2566 หรือไม่ การเร่งรัดออกระเบียบฯ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ น.ช.ทักษิณเป็นการละเมิดพระราชอำนาจตามพระบรมราชโองการที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 1 กันยายน 2566 หรือไม่ จะดำเนินการอย่างไร
7.ขอให้บังคับโทษทางแพ่ง น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ชำระเงินให้แก่รัฐคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) จำนวนเงิน 189,125,644.45 บาท พร้อมดอกเบี้ย คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 มีการบังคับคดีแล้วหรือยัง เมื่อไร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ถ้ายังไม่ดำเนินการ จะสั่งการตามอำนาจหน้าที่อย่างไร
8.น.ช.ทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ข้อ 7 (3) ที่ต้องรายงานต่อรัฐมนตรีทราบนั้นขอให้เปิดเผยรายงานต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศภายใน 7 วัน
9.ขอให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ภายใน 7วัน เพื่อตรวจสอบว่า น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ป่วยจริงหรือไม่ และอยู่โรงพยาบาลตลอดเวลาหรือไม่
10.มีข่าวว่า จะมีการทำบัญชีโยกย้ายข้าราชกรมราชทัณฑ์ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายการเมืองในกรณีนี้หลายตำแหน่ง จะให้ความยุติธรรมเบื้องต้นแก่ข้าราชการอย่างไร การกระทำของข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำตามข้อ 1-8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างกรรมต่างวาระ ผิดประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรงจึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน 7 วัน เพื่อผดุงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรม
นายวัชระ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทุกประเด็นในเรื่องนี้ เพื่อมาตรฐานความยุติธรรมที่เท่าเทียมกับนักโทษ 280,000 รายทั่วประเทศ รวมทั้งขอให้บังคับโทษทางอาญา น.ช.ทักษิณ อย่างเคร่งครัด หากไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่พี่น้องประชาชนร้องเรียนตนมานี้ภายใน 7 วัน ตนจำเป็นต้องยื่นร้องเรียนกล่าวโทษบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ลงมาเพื่อให้ ป.ป.ช.สอบสวนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกมาตราและสอบจริยธรรมร้ายแรงต่อไป และตนเชื่อมั่นว่า ท่านรักษาและปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม และจริยธรรมทางการเมืองอย่างเคร่งครัด จึงได้ส่งหนังสือร้องเรียนมา ทั้งนี้ ตนขอให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจที่ให้การตามความจริงและเป็นประโยชน์แก่ทางราชการทุกคนไว้เป็นพยานทุกราย และเอกสารทุกข้อ ที่จะขอตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอให้จัดส่งแก่ข้าพเจ้าภายใน 30 วัน พร้อมลงลายมือชื่อรับรองเอกสารทุกแผ่น
ซึ่งเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2567 นายพีระพันธุ์ ได้ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตอนหนึ่ง ว่า "คนอย่างผมไม่เคยเกรงใจใคร ถ้าหากทำไปแล้วพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติได้ประโยชน์ ผมไม่เคยเกรงใจใคร"