ชี้เป้า 5 'กองทุนหุ้นไทย' โชว์ผลตอบแทน เทิร์นอะราวด์

ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ ปี 2567 จนถึงตอนนี้ "ตลาดหุ้นไทย" ยังมีผลตอบแทนติดลบเล็กน้อย -0.16% สามารถฟื้นตัวจากในปี 2566 ที่ผ่านมา เรียกว่า ผิดหวัง ให้ผลตอบแทนติดลบ 

ทั้งนี้หากสำรวจผลตอบแทน "กองทุนหุ้นไทย" เริ่มมีผลตอบแทนกลับมาเป็นบวกกันได้บ้างแล้ว ข้อมูลจาก มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ณ 11 ม.ค.2567 พบว่า มีเพียง 5 กองทุน จาก 2 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เท่านั้นที่มีผลตอบแทนกลับมาเป็นบวก

นำโดย อันดับ 1 กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไทย ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ (PRINCIPAL TDIF-X) มีผลตอบแทน 11.33%

รองมาอันดับ 2 กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) มีผลตอบแทน 0.83% 

อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ ชนิดสะสมมูลค่า(KFTSTAR-A) มีผลตอบแทน 0.83%

อันดับ 4 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว ไทยออลสตาร์ปันผล (KFLTFSTARD) มีผลตอบแทน 0.83%

อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ(KFSTARRMF) มีผลตอบแทน 0.82%

 

"ศิระ คล่องวิชา" ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี มองว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยังมีทิศทางเติบโต มีเสถียรภาพ ในขณะที่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลกน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้มีความคาดหวังว่าตลาดไทยจะเริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ

หลังจากที่ปี 2566 ดัชนี SET Index ถือว่าเป็นดัชนีที่ให้ผลตอบแทนรั้งท้าย (laggard) ซึ่งตามข้อมูลสถิติย้อนหลัง 20 ปี ดัชนี SET Index ยังไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบสองปีติด สะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้อของนักลงทุนที่สามารถกลับมาได้เมื่อตลาดมีการปรับตัวลดลง 

นอกจากนั้นคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในขณะที่ค่า PE ของตลาดปัจจุบันที่ระดับประมาณ 13.9 เท่า  ถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นปัญหาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความไม่แน่นอนของนโยบายของภาครัฐ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับผลกระทบในเชิงลบจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ยังคงฟื้นตัวช้า

โดยมอง เป้าหมายSET index สิ้นปี 2567  ไว้ที่ระดับ 1,552 จุด บลจ.กรุงศรี มองว่ากลุ่มที่น่าสนใจลงทุน คือหมวดธุรกิจต่างๆ ที่คาดว่าจะมีการเติบโตของผลกำไรใน ปี 2567 ได้ดี มีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว และการสิ้นสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น กลุ่มอาหาร ไฟแนนซ์ ขนส่ง เป็นต้น 


 

"ชยนนท์ รักกาญจนันท์"  CEO & Co-founder ของ FINNOMENA FUNDS มีมุมมองการลงทุนที่เน้นใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะลงทุนในตลาดขาขึ้น เห็นว่า หุ้นไทยตอนนี้เริ่มมี Sentiment ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนี sSET หุ้นไทยขนาดกลาง-ขนาดเล็กที่โมเมนตัมกำลังเป็นขาขึ้น


นายเจษฎา สุขทิศ CEO & Co-founder ของ FINNOMENA Group กล่าวเสริมว่า ในส่วนของมุมมองการลงทุน FundTalk Call ที่เน้นกลยุทธ์สไตล์ The Contrarian ด้วยการวิเคราะห์อารมณ์ตลาด พร้อมกับพิจารณา Valuation เพื่อสร้างโอกาสเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ก็มองเห็นตรงกันว่าถึงเวลาลงทุนหุ้นไทยแล้ว จากปัจจัยบวกทั้งในแง่บรรยากาศเศรษฐกิจ การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน โอกาสเห็น fund flow ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น หลัง Fed เข้าสู่วงจรการหยุดขึ้นดอกเบี้ย และเชื่อว่าน่าจะมี Positive Surprise จากการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของหุ้นไทยตามมา

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...