'พลังงาน'ชี้ 3 ช่องทาง ลดราคาน้ำมัน รับรัฐบาลใหม่

ภายหลัง "เศรษฐา ทวีสิน" ได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลคือ การลดราคาน้ำมันดีเซล ดังนั้น กระทรวงพลังงาน ที่ปัจจุบันใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการพยุงราคา จึงต้องเตรียมสมมติฐานไว้รอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนใหม่มาเดินหน้านโยบาย

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงแนวทางในการลดราคาพลังงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ว่า รัฐบาลจะต้องทำ

1. ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งหากกระทรวงการคลัง จะลดการจัดเก็บให้เท่าเดิม คือลิตรละ 5 บาท ก็จะเหลือที่ 1.34 บาท เหมือนเดิม ดังนั้น หากจะลดราคาดีเซลลงมาจากเดิมลิตรละ 32 บาท ลงมาอีกก็จะต้องมาดูราคาตลาดโลกว่าจะเป็นอย่างไร

2. ลดการจัดเก็บทั้งน้ำมันดีเซลและเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลงมาอีก เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงจากเดิม เพราะต้องอย่าลืมว่ากองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องของการชำระหนี้คู่ค้าน้ำมันมาตรา 7 และการจ่ายดอกเบี้ยต่าง ๆ ดังนั้น ฝ่ายการเงินจะต้องบริหารจัดการอย่างเหมาะสม

3. ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยเฉพราะราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งขณะนี้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างการจัดทำโครงสร้างใหม่ อันดับแรกคือ การรื้อต้นทุนราคาหน้าโรงกลั่นที่ปัจจุบันอิงราคาตลาดสิงคโปร์ ซึ่งคู่ค้าน้ำมันมาตรา 7 ต่างมีความเห็นเดียวกันว่า เป็นต้นทุนที่สูงจริง ส่งผลให้ค่าการตลาดสูงตามไปด้วย

“เท่าที่ขอดูบัญชีของกองทุนน้ำมันฯ ทุกวันนี้ที่จ่ายจริงและแบกรับไว้คือภาษีน้ำมันที่ลิตรละประมาณ 5.99 บาท ตั้งแต่ที่ไม่มีการต่อมาตรการ จะจ่ายออกลิตรละ 5-6 บาททุกวัน ซึ่งเมื่อไม่ต่อจะเป็นเนื้อน้ำมันจริง ๆ ที่ลิตรละกว่า 1 บาท ก็ยังพอพยุงได้ แต่หากมาพ่วงภาระค่าภาษีน้ำมันกว่า 5 บาท กองทุนน้ำมันฯ ก็จะลำบาก ดังนั้น หากจะลดราคาน้ำมันลงไปอีก ก็จะต้องยอมแบกภาระอีกหน่อย และนำการจัดเก็บจากน้ำมันเบนซินเข้ามาช่วย จะยังมีเงินพอมาจ่ายดอกเบี้ยและคู่ค้าน้ำมันมาตรา 7”

อย่างไรก็ตาม การจะกู้เงินเพิ่มอีกหรือไม่นั้น เท่าที่ฟังรายงานจากกองทุนน้ำมันฯ ก็อาจจะต้องกู้เพิ่มจากปัจจุบันที่กู้มาแล้วยอดรวม 55,000 ล้านบาท เพราะกองทุนน้ำมันฯ รับภาระลิตรละ 5 บาท ติดต่อกันเป็นเดือน ๆ แล้ว หากจะให้ลดราคาลงมาอีก อาจต้องกู้เพิ่มเพราะปี 2567 จะต้องเริ่มใช้หนี้เงินต้นของเงินกู้ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าแค่ประคองดอกเบี้ยไว้ก่อน

“การแก้ปัญหาระยะสั้นในเบื้องต้นคือลดภาษี และเก็บเงินเข้ากองทุนให้น้อยลง และอันดับสุดท้ายคือต้องมาคุยเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งสนพ.ทำอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน เพราะที่ทำคือการรองรับมาตรฐานยูโร 5 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2567 ที่เมื่อต้องปรับขึ้น ต้นทุนจะขึ้นมาระดับลิตรละ 10 สตางค์ ซึ่งเมื่อบังคับก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลถึงราคาที่จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...