24 ปีที่รอคอย

หากจะเอ่ยชื่อทีมชาติเซอร์เบีย เชื่อว่าบรรดาแฟนฟุตบอลคงรู้จักกันดีเพราะเซอร์เบียก็เป็นหนึ่งชาติที่แยกมาจากการล่มสลายของยูโกสลาเวียเดิม

แต่ใครจะรู้ว่า แม้ว่าเราจะได้ยินชื่อมานานแต่หารู้ไม่ว่าพวกเขายังไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้ายเลยสักครั้งนับตั้งแต่แยกออกจากยูโกสลาเวีย

แม้ว่าเซอร์เบียจะเคยลงเล่นในศึกยูโร 2000 รอบสุดท้ายมาตอนแยกออกจากยูโกสลาเวียใหม่ๆ แต่ในตอนนั้นก็ยังใช้ชื่อเซอร์เบียและมอนเตเนโกร ซึ่งตอนนั้นไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลยทีเดียว

แต่ไม่น่าเชื่อนับตั้งแต่มาใช้ชื่อ เซอร์เบีย แบบเดี่ยวๆ ก็ยังไม่เคยได้ลงเล่นในรอบสุดท้ายเลยนับตั้งแต่ศึกยูโร 2008 เป็นต้นมาจนถึงยูโร 2012, ยูโร 2016 และล่าสุด ยูโร 2020 ก็ยังไม่เคยมีชื่อของเซอร์เบียผ่านไปเล่นในรอบสุดท้ายเลย

ผิดกับในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่ เซอร์เบียได้ไปลุยรายการนี้อย่างว่าเล่น โดยนับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ เซอร์เบียแบบเดี่ยวๆ เคยไปเล่น “เวิลด์ คัพ” รอบสุดท้ายถึง 3 สมัยในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้, ปี 2018 ประเทศรัสเซีย และครั้งล่าสุด ปี 2022 ประเทศกาตาร์

แม้ว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร ในศึก “เวิลด์ คัพ” แต่ก็ยังได้เข้าร่วมในศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเป็นประจำ

เมื่อย้อนกลับมามองในฟุตบอลระดับทวีปอย่าง “ยูโร” ทางเซอร์เบียกลับเจอแต่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญในรอบคัดเลือกตลอดจนยังไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเลยสักครั้ง

แม้ว่าเซอร์เบียจะมีนักเตะระดับท็อปอยู่ในทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนมันยา วิดิช, บรานิสลา อิวาโนวิช, เนเวน ซูโบติช, เดยัน สแตนโควิช, เนมันยา มาติช, มิลาน โจวาโนวิช, นิโกลา ซิกิช แต่ก็ยังไม่เคยได้เล่นในยูโรรอบสุดท้ายเลยสักครั้ง มันน่าแปลกใจจริงๆ

ทำให้ยูโร 2024 ในรอบคัดเลือก เซอร์เบีย ตั้งเป้าจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายให้ได้เป็นครั้งแรก โดยปีนี้ในรอบคัดเลือกถูกจับอยู่ในกลุ่มจี ร่วมกับ ฮังการี, มอนเตเนโกร, ลิทัวเนีย และบัลแกเรีย

เมื่อเห็นสายตอนแบ่งกลุ่มครั้งแรกบรรดาแฟนบอลเซอร์เบียก็คิดว่าทีมชาติบ้านเกิดของตัวเองน่าจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ไม่ยาก เพราะเมื่อดูลิสต์รายชื่อแล้ว เซอร์เบีย คือเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ของกลุ่มนี้

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นรอบคัดเลือกก็ไม่ง่ายเสมอ โดยเฉพาะเซอร์เบียต้องมาเจอกับความร้อนแรงของ “แม็กยาร์” ฮังการี ที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ทำให้สถานการณ์ของเซอร์เบียก็ต้องมาลุ้นอันดับ 2 แทน

ซึ่งทางเซอร์เบียก็ต้องเบียดแย่งชิงตั๋วอีกใบกับมอนเตเนโกร อดีตคู่รักคู่แค้นที่เคยผนึกเป็นชาติเดียวกันมาก่อน และต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้าย

โดยก่อนแข่งเซอร์เบียมี 13 คะแนนจาก 7 นัดรั้งอันดับ 2 โดยจะพบกับบัลแกเรีย ขณะที่อันดับ 3 มอนเตเนโกร มี 11 คะแนนจาก 7 นัด สถานการณ์ก่อนแข่ง เซอร์เบียต้องชนะหรือเสมอเท่านั้นถึงจะผ่านเข้ารอบ ขณะที่มอนเตเนโกร จะพลิกเข้ารอบได้ต้องเอาชนะฮังการีให้ได้ ก่อนลุ้นให้เซอร์เบียแพ้ต่อบัลแกเรีย

แต่สุดท้ายก็ไม่มีการพลิกโผเป็นทางเซอร์เบีย ที่เสมอกับบัลแกเรีย ไป 2-2 ขณะที่มอนเตเนโกร พ่ายแพ้ให้กับฮังการีไป 1-3 จากสกอร์ที่ออกมาทำให้เซอร์เบียคว้าอันดับ 2 ของกลุ่มและตีตั๋วไปลุยรอบสุดท้ายได้สำเร็จนับตั้งแต่แยกออกมาใช้ชื่อเซอร์เบียแบบเดี่ยวๆ

เรียกได้ว่างานนี้แฟนบอลเซอร์เบียนอนหลับฝันดีที่เห็นทีมชาติบ้านเกิดผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายสักทีหลังจากรอคอยมานานกว่า 24 ปีเลยทีเดียว.

มะระหวาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตะลุยฟุตบอลโลก” เพิ่มเติม

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...