ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเดือน ก.ย.66 กลับมาฟื้นตัว

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที (GIT) เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือนก.ย.2566 มีมูลค่า 1,286.09 ล้าน เพิ่มขึ้น 27.29% กลับมาฟื้นตัว หลังจากขยายตัวติดลบในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ที่ผ่านมา หากรวมทองคำ มีมูลค่า 2,157.95 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40.17% เพราะมีการส่งออกทองคำไปเก็งกำไร จากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น และรวม 9 เดือน ของปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งออก ไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 6,643.65 ล้านดอลลาร์เพิ่ม 9.09% และรวมทองคำ มูลค่า 11,128.29 ล้านดอลลาร์ ลดลง 10.40%

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ พบว่า มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยฮ่องกง เพิ่ม 204.32% อิตาลี เพิ่ม 40.08% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 10.59% ส่วนสหรัฐฯ ลด 12.95% อินเดีย ลด 56.78% เยอรมนี ลด 18.36% สหราชอาณาจักร ลด 5.57% สวิตเซอร์แลนด์ ลด 5.89% เบลเยียม ลด 5.30%

ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญ มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยเครื่องประดับทอง เพิ่ม 26.81% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 0.89% พลอยก้อน เพิ่ม 21.29% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 84.35% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 106.90% อัญมณีสงเคราะห์ เพิ่ม 53.33% ส่วนเพชรก้อน ลด 11.66% เพชรเจียระไน ลด 26.35% เครื่องประดับเงิน ลด 12.61% เครื่องประดับเทียม ลด 6.15% และทองคำ ลด 29.15%

นายสุเมธ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่เทศกาลจับจ่ายใช้สอยท้ายปี ทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าคู่แข่งทางการค้าหลายประเทศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ และประเทศที่เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

บวกกับการแนวทางเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า มาปรับใช้ในกลยุทธ์การตลาดสร้างแนวทางการเข้าสู่แต่ละตลาดได้อย่างเหมาะสม ทำให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้น และสินค้าไทย มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจสอดรับกับกฎระเบียบการค้าใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็น BCG Carbon Credit หรือเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGs ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซาในหลายประเทศ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2566 อยู่ที่ 3% และปรับลดคาดการณ์การเติบโตในปีหน้าลงเหลือ 2.9% จากการที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอลง โดยเฉพาะสองประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯ และจีน ล้วนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจยืดเยื้อและมีปัญหาขัดแย้งระหว่างกัน

ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อแม้ทรงตัว แต่ยังอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนทางการเงิน และยังมีปัญหาการสู้รบระหว่างอิสราเอสและฮามาส หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายแห่งที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งล้วนแต่มีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...