เกาะไปด้วย

ดูจะราบรื่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆใน “ฟุตบอลโลก” เมื่อเส้นทางการเป็นเจ้าภาพจัดเกมกีฬาที่ใหญ่ยักษ์นี้ของ ซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่มั่งคั่งของโลกใบนี้ คล้ายดั่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีหลากหลายประเทศ และหลายกลุ่มประเทศแสดงเจตจำนงทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ต้องการเสนอตัวเข้าแย่งชิงเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2034 รวมทั้งประเทศเล็กๆและภูมิภาคเล็กๆ ไทยและอาเซียนก็แอบฝันอยู่ไกลๆ

แต่พลันที่ซาอุดีอาระเบียประกาศชัด ประเทศเหล่านั้นก็ค่อยๆทยอยถอนตัว ถอนใจ ไปจนหมด จนเหลือเพียงชาติเดียวก่อนเดดไลน์ที่ฟีฟ่ากำหนดไว้เมื่อ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา

กระทั่งฟีฟ่าเองโดยประธานใหญ่ จานนี อินฟานติโน ก็ได้แจ้งผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเสมือนยืนยันแล้วว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพต่อจากปี 2026 และ 2030 ที่ได้กำหนดไว้แล้ว

ทั้งๆที่ยังไม่มีการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ของฟีฟ่าตามธรรมเนียม ซึ่งเดิมก็บอกจะมีการรับรองในปลายปี 2024 แต่อินฟานติโนก็ชิงโพสต์ออกมาก่อน

นี่จึงเป็นการได้มาซึ่งเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่ง่ายดายยิ่ง

จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างไร เมื่อซาอุดีอาระเบียนั้น ทำทางมาตลอด จากการเปิดประเทศและรุกเข้าใส่กีฬาสำคัญๆอย่างเต็มตัว โดยมีอาวุธสำคัญคือ ความมั่งคั่งของประเทศ ที่ทุ่มได้ไม่อั้นอย่างมียุทธศาสตร์ จากลิฟกอล์ฟ มาถึงการดึงนักเตะซุปเปอร์สตาร์อย่างคริสเตียโน โรนัลโด เปิดตลาดทลายกำแพงลีกใหญ่ของโลก จนตามกันมาเป็นพรวน

สยบทุกกระแสการต่อต้านในช่วงแรกจน หายวับ และเดินหน้าสู่ฟุตบอลโลกอย่างมั่นคง

ส่วนไทยเรานั้นจาก นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ประกาศสนับสนุนก่อนเพื่อน ตามมาด้วยองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งท่านนายก “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ฉับไวพอ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในทันที เมื่อบินไปร่วมงานมอบรางวัลประจำปีของ “เอเอฟซี” หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ก็ใช้โอกาสนี้พบปะกับ ยาสเซอร์ อัล มิเซฮาล ประธานสหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบีย

โดย พล.ต.อ.สมยศได้ยืนยันถึงการสนับสนุนประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ตามนโยบายของรัฐบาลไทย ไม่เท่านั้นยังใช้โอกาสนี้ หารือถึงแนวทางที่จะให้บริษัทต่างๆ มีโอกาสเข้ามาสนับสนุน ผ่านการลงทุนด้านการตลาดในฟุตบอลลีกอาชีพของไทย ทั้งร่วมมือกันพัฒนากีฬาฟุตบอลระหว่างสองประเทศในอนาคตด้วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ชอบ ไม่ได้เสียหายอะไร และอาจเป็นประโยชน์ได้มากเช่นกัน!

ในเมื่อไทยเราไม่มีโอกาสอย่างเขา และอาเซียนก็ห่างไกล อย่างน้อยการที่ฟุตบอลโลกมาอยู่ในเอเชียอย่างซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่มีความสัมพันธ์กระชับแน่นมากขึ้นไปทุกที ก็ต้องหาทางเกาะเกี่ยวพ่วงกันไปด้วย และเค้าต้องทำอะไรอีกมากเพื่อสร้างเกมนี้ให้มีคุณค่าในหลากหลายมิติ

ยังมีเวลาที่จะคิด และแสวงหาช่องทาง เพื่อใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมทางไป

ดีกว่าอยู่เปล่าๆครับ...

“เบี้ยหงาย”

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่