ค่าเงินอ่อน 1 บาท ดันต้นทุนนำเข้า 'น้ำมันสำเร็จรูป' เพิ่ม 70 สตางค์/ลิตร

จากสถานการ์ เงินบาทอ่อนค่า ส่วนหนึ่งยังคงมาจากเงินดอลลาร์แข็งค่า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 114 จุด ส่งผลให้ค่าเงินสกุลต่างๆ อ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย 0.25% ต่อปี ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐถ่างกันมากขึ้น ส่งผลต่อค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง  

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับอ่อนค่าทำให้กระทรวงพลังงานต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลต่อต้นทุนราคานำเข้าน้ำมันที่ส่วนใหญ่จะต้องนำเข้า และจะกระทบต่อสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 

สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 24 ก.ย.2566

- กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 36,855 ล้านบาท

- หนี้สินกองทุนฯ 101,274 ล้านบาท แบ่งเป็น ติดลบจากบัญชีน้ำมัน 19,570  ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 44,849 ล้านบาท รวมติดลบ 64,419 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน ต้องเตรียมแผนรองรับไว้เสนอภาคนโยบาย และเฝ้าติดตาม สถานการณ์ค่าเงิน อย่างใกล้ชิด ซึ่งยอมรับว่า ปัจจัยเงินบาทอ่อนค่า แม้จะกระทบต่อต้นทุนน้ำมัน แต่ไม่เท่ากับราคาน้ำมันตลาดโลกที่โดยเฉลี่ยหากมีราคาปรับขึ้น 1 ดอลลาร์จะกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยที่ 20 สตางค์ 

นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.34 บาทต่อดอลลาร์เฉลี่ย 35.5853 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.23 บาทต่อลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.36 บาทต่อลิตร ส่งผลต่อค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 2.28 บาทต่อลิตร โดยหากอัตราแลกเปลี่ยนหากมีการเปลี่ยนแปลง 1 บาท จะส่งผลต่อราคาน้ำมันสำเร็จรูปประมาณ 0.70 บาทต่อลิตร ดังนั้น เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงจากเดิมระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ขยับเป็น 38 บาทต่อดอลลาร์ จะส่งผลต่อต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปประมาณเพิ่มขึ้นอีก 2.1 บาทต่อลิตร 

ทั้งนี้ สนพ.ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวต่อเนื่องหลังซาอุฯ ขยายเวลาลดกำลังการผลิต และรัสเซียขยายเวลาลดการส่งออกน้ำมันถึงสิ้นปี 2566

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้มชะลอตัวหลังคณะกรรมาธิการยุโรปลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูโรโซน ในปี 2566 มาอยู่ที่ 0.8% โดยชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังอยู่ระดับสูง อีกทั้งต้องจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่ง Reuters Polls คาด ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ อีก 0.25% จากระดับปัจจุบัน มาอยู่ที่ 4.00% เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อให้มาอยู่ที่เป้าหมายที่ 2%

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก วันที่ 4-10 ก.ย.2566 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัสเฉลี่ยอยู่ที่ 90.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 87.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 4.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย.2566 ปรับลดลง 6.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 416.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.6 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูป ในตลาดภูมิภาคเอเชีย แบ่งเป็น

ราคาน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ 109.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 103.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 106.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว 

ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงาน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์สหรัฐ  สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย.2566 ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 214.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่อุปสงค์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.25 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 9.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้าน International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6  ก.ย.2566 เพิ่มขึ้น 0.91 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 13.84 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ 121.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยตลาดคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดีเซลทั่วโลกอาจปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ จากฐานตัวเลขอุปสงค์ของกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือและจีน ซึ่งอยู่ระดับต่ำเมื่อปีที่แล้ว 

รวมทั้ง Platts ประเมินปริมาณส่งออกดีเซลของรัสเซียจากท่าทางตะวันตกในทะเลบอลติกและทะเลดำ เดือน ก.ย.2566 ลดลง 130,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 470,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นขนาดใหญ่ 12 แห่ง ในประเทศปิดซ่อมบำรุง 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...