‘เศรษฐา’ แจง ไม่เคยคิดปลด ‘ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ’ โยน ‘คลัง’ ปม แก้กม. ลดความอิสระ

ที่โรงพยาบาลโพนทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีความเห็นต่างระหว่างคนในรัฐบาล กับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จนมีข้อสังเกตจะเป็นอุปสรรคในการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรคของเงินดิจิทัล หากมีข้อสงสัยก็มีหน้าที่อธิบาย ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา ส่วนที่มีความเห็นต่างกันได้ชี้แจงไปชัดเจนแล้ว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวรัฐบาลมีแนวคิดจะแก้พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจผู้ว่าฯ ธปท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้มีแนวคิด และไม่เคยพูดเลย เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่ต้องไปดูแล ประเด็นตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯธปท. รัฐบาล หรือสภาผู้แทนราษฎร มาอยู่ด้วยกันเพราะว่าต้องดูแลประชาชนเรื่องนี้สำคัญสุด ส่วนการแก้ไขกฎหมาย ต้องมีการส่งเรื่องมาจากกระทรวงการคลัง แต่เวลานี้ยังไม่เห็นส่งขึ้นมา 

เมื่อถามว่า มีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายลดอำนาจความเป็นอิสระของแบงค์ชาติหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูด แต่อนาคตไม่ทราบ ต้องถาม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอแก้กฎหมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลต้องการลดอำนาจผู้ว่าฯธปท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องไปถามต้นตอของข่าว วันนี้ตนไม่ได้พูด

เมื่อถามว่า รัฐบาลประกาศเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต แต่จะมีข้อทักท้วงที่เป็นอุปสรรคต่อการจ่ายเงินอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี มั่นใจ เรียบร้อยแล้ว หากมีคำถามมาก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตอบ เวลานี้โครงการก็เริ่มเดินและเป็นไปตามโครงการทุกอย่าง

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะยื่นคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเป็นผู้ชี้แจง

เมื่อถามว่า กระแสข่าวและภาพที่ออกมาตอนนี้ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเรื่องเงินดิจิทัล ที่รัฐบาลยืนยันว่าได้แน่ในไตรมาส 4 จะมีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท.เรื่องนี้อีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พูดไปชัดเจนแล้วเรื่องของเงินดิจิทัลที่บอกว่ามีปัญหาก็เพิ่งได้ยิน แต่ก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร มีการแถลงข่าวไปเรียบร้อย แต่พวกสื่อพยายามบอกว่ามีปัญหา ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร โครงการก็เดินไปแล้ว มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องไปทำงานกัน ตรงไหนที่ต้องมีการตรวจเช็กที่กฤษฎีกาก็มีการทำงานกันไป

เมื่อถามว่า นายกฯบอกว่าไม่เคยมีความขัดแย้ง แต่ภาพที่ออกมาสื่อถึงความขัดแย้งระหว่างกัน นายกฯ กล่าวว่า อย่าดูที่ภาพ ดูที่เนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกตนไม่ปฏิเสธเรื่องดอกเบี้ย เพราะคิดว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด แต่ทางผู้ว่าฯธปท.บอกไม่สูง ไม่ควรลดใช่หรือไม่ ก็ชัดเจนแล้ว จึงต้องไปหาวิธีการอื่นที่จะบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน โดยเชิญ 4 ธนาคารมาพูดคุย ตนไม่เคยไปมีประเด็นอะไรกับท่านเลย ก็เชิญธนาคารในกำกับอยู่แล้ว ก็ลดไปประมาณ 0.25% ตนได้ขอบคุณไปและก็เดินหน้าบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชนต่อไป ไม่ได้มีการไปต่อว่าอะไรทางผู้ว่าฯธปท. 

เมื่อถามย้ำว่าภาพที่ออกมาเหมือนเป็นการกดดันให้ผู้ว่าฯธปท.ลาออก นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดให้ผู้ว่าฯลาออก รวมถึงเรื่องการปลดผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ ถ้าท่านผู้ว่าฯฟังอยู่ ไม่เคยกดดันและไม่เคยพูดด้วย กดดันตนอาจจะมีการพูดคุยถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ตนเป็นผู้นำรัฐบาลพูดมาแค่นี้โดยตลอด ก็แค่นี้

เมื่อถามว่า ผู้ว่าฯธปท.บอกว่านักการเมืองมาแล้วก็ไป ขณะที่ทาง ธปท. ต้องรักษาสภาพการเงินการคลังของประเทศ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ไปคอมเมนต์เกี่ยวกับว่าใครพูดอะไร ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ธปท. รัฐบาล สภา เรามาทำงานเพื่อใคร เพื่อประชาชน จิตใจตนยึดโยงกับประชาชนอย่างเดียว และกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรให้อุณหภูมิความขัดแย้งลดลง ในเมื่อ ธปท. เป็นกระเป๋าเงินใหญ่ของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า อุณหภูมิจะถูกลดก็ต่อเมื่อปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกแก้ไข

เมื่อถามว่า จะต้องมีการเรียกผู้ว่าฯธปท. เข้ามาพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูด นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าไม่ได้ต่างคนต่างพูด ตนก็ยึดโยงกับพี่น้องประชาชนอย่างเดียว ผู้ว่าฯธปท. ก็พูดเองมีอะไรสื่อสารก็สื่อสารผ่านกระทรวงการคลัง ตนขอใช้ว่าให้เป็นไปตามระบบแล้วกัน และตนจะติดตามผ่าน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปแล้วและเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ไปแล้ว

เมื่อถามว่า ช่วงแรกๆ นายกฯกับผู้ว่าฯธปท. ก็มีการยกหูคุยกัน นายกฯ กล่าวว่า ผู้ว่าฯบอกชัดเจนแล้วว่า ไม่อยากให้สื่อสารโดยตรงกับท่าน ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ก็ทำตามที่บอกมา และก็ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมากล่าวโทษผู้ว่าฯ หรืออะไรเลย เมื่อท่านถามมาว่าดอกเบี้ยสูงหรือไม่ ตนก็บอกว่าดอกเบี้ยสูงก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าฯ คู่กรณีของตนคือความยากจนของพี่น้องประชาชน และความยากจนเกิดมาจากดอกเบี้ยสูง ก็บอกแค่นี้ ถ้าจะเปลี่ยนใจตนอย่างไรก็เปลี่ยนใจไม่ได้ ฝ่ายการเมือง สส. รัฐมนตรี และองค์กรอิสระ อย่างเช่น ธปท.เอง ก็มีความปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน แต่มองปัญหาคนละแบบเท่านั้นเอง ซึ่งต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า นโยบายการเงินการคลังไปคนละทางกันจะทำให้บริหารงานยากหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีความลำบากเหมือนกัน อย่างที่ผู้สื่อข่าวเคยมีคำแนะนำมาพูดผ่าน สศค.ไป

เมื่อถามว่า ธปท. อาจจะต้องรักษาหนี้สาธารณะ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องแก้ไขหนี้ครัวเรือน จะทำอย่างไรให้มาจูนกันได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า มันมีหลายองค์ประกอบ หนี้สาธารณะก็เป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ถ้าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จีดีพีโต เราก็กู้ได้อีก เปอร์เซ็นต์ของหนี้สาธารณะก็ไม่ได้สูงขึ้น เราก็ต้องมีกรอบชัดเจน ต้องไม่สูงกว่า 70% ของจีดีพี ตรงนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้วไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร หน้าที่ตนคือเอานโยบายการคลังมาดูแลพี่น้องประชาชน มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า ถ้าจะพูดอะไรประโยคหนึ่งถึงผู้ว่าฯ ธปท. อยากจะพูดอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ครับ ตนว่าไม่มี พูดชัดเจนแล้วสิ่งที่เราเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าฯธปท.เลย  คนในรัฐบาลเองคนในพรรคเอง เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่างๆ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็พูดคุยกันไป อย่าให้มีวาทะกรรมว่าจะปลดจะอะไรมันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของตนเลย แม้กระทั่งนิดเดียว เราอยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ ก็มีความประสงค์ดีกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นความเห็นต่างก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว วันนี้ตนก็ไม่ได้เห็นตรงกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม ทุกเรื่อง แต่เราก็คุยกันมีภาษาที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ พยายามที่จะยืดหยุ่นประนีประนอมกันได้ เพราะเชื่อว่าทุกคนที่มาทำงานเพื่อประชาชน อย่าไปเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาดีกว่า เรื่องความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้มีเกิดขึ้น แต่เมื่อมีความเห็นต่างเราก็พยายามบริหารความเห็นต่างตรงนี้ บนบรรทัดฐานของการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับกระแสโซเชียลมีเดียที่ติดแฮชแท็กเซฟผู้ว่าฯธปท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีคอมเมนต์ เพราะมองว่าผู้ว่าฯ ไม่มีอะไรที่จะต้องถูกเซฟ ท่านมาถูกต้องและมีหน้าที่ก็ทำงานไป หลายอย่างที่ทำ ตนเห็นด้วยเหมือนกัน และหลายอย่างที่ตนทำเชื่อว่าผู้ว่าฯ ก็เห็นด้วย และหลายอย่างก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว อย่างน้อยทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปขัดแย้งกับใคร ไม่มีข้อคิดเห็นที่ว่าจะต้องเซฟ และคิดว่าผู้ว่าฯ ไม่ต้องการการเซฟเพราะไม่มีใครจะไปปลด ไม่มีใครพูด รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด เพียงแต่เราอาจไม่เห็นตรงกันในบางเรื่องหรือไม่ และถูกไปแปลพยายามยกระดับขึ้นไปให้เกิดความขัดแย้ง ยืนยันว่าในที่สาธารณะหรือส่วนตัวตนก็พูดแบบนี้ คือเรื่องดอกเบี้ยเรื่องเดียว ไม่ได้พูดเรื่องการกำกับดูแลแบงก์ หรือ หนี้เสีย เพราะดูหนี้เสียให้มีอัตราที่ดีแล้ว เมื่อเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องที่ดีถูกต้องไม่ต้องชมกัน ต่างทำในสิ่งที่ดีไป


หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ มอง ‘จีน’ มีอิทธิพลศก.ที่สุดในอาเซียน สัดส่วนทะลุ 70% เป็นรองแค่ ‘ลาว’

สถาบันคลังสมองในสิงคโปร์ ISEAS-Yusof Ishak Institute ได้เปิดเผยรายงานประจำปีที่มีชื่อว่า State of So...

ตลาด“ปาล์ม”ปี67ปัจจัยอากาศปั่นป่วน เเนะเกษตรกร-โรงสกัดคุมคุณภาพการผลิต

สถานการณ์ผลผลิต“ปาล์มน้ำมัน” ปี 2567 คาดว่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคใต้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม...

เช็คโทษปรับค้างค่า 'ทางด่วน' เมินจ่ายเจอสูงสุด 10 เท่า

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดสถิติปริมาณจราจรบนทางพิเศษ รวมทุกสายทาง ประจำปีงบประมาณ 2566 พบว...

ชะตากรรม ‘GDPไทย‘ หลังไตรมาส1 จ่อทรุด ’เอกชน‘ คาดกรอบ 67 ขยายตัว 1.5-2.7%

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำลังจะประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1...